ราคา Ethereum ClassicETC

เกี่ยวกับ Ethereum Classic

ในปี 2016 Ethereum ถูกโจมตีช่องโหว่เป็นครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นผลให้เกิดการสูญเสียสินทรัพย์ไปกว่า 3.6 ล้าน ETH โดยเป็นมูลค่าประมาณ 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะนั้น และน่าจะมีมูลค่าเป็นพันล้าน USD ในปัจจุบัน ซึ่งการแฮ็กในครั้งนี้มีผลกระทบอย่างมากในอุตสาหกรรมคริปโต นักลงทุนตกอยู่ในสภาวะตื่นตระหนกและรีบขายสินทรัพย์ที่ตนถืออยู่ พร้อมกันนั้นผู้ที่วิจารณ์คริปโทเคอร์เรนซีก็ใช้โอกาสดังกล่าวในการวิจารณ์เทคโนโลยีบล็อกเชนด้วย ขณะเดียวกัน นักพัฒนา Ethereum ก็อยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลที่จะต้องหาทางแก้ไขเหตุการณ์ดังกล่าว เนื่องจากมีเวลาเพียง 28 วันก่อนที่แฮ็กเกอร์จะสามารถขายสินทรัพย์ออกเป็นเงินสดได้ ซึ่งสินทรัพย์ดังกล่าวคิดเป็นอัตราส่วนถึง 5% ของอุปทานทั้งหมดของ ETH ที่หมุนเวียนอยู่

โชคดีที่มีการคิดทางแก้อย่างหนึ่งขึ้นมาได้ คือการย้อนบล็อกเชน Ethereum กลับไปสู่สถานะก่อนที่จะเกิดการแฮ็กขึ้น ด้วยวิธีนี้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีจุดอ่อนดังกล่าวสามารถรักษาสินทรัพย์ของตนไว้ได้ และระบบจะย้อนกลับไปเหมือนกับเหตุการณ์โชคร้ายนั้นไม่เคยเกิดขึ้นเลย ในการนี้ นักขุดที่ทำการโหวตส่วนใหญ่อนุมัติทางแก้ไขดังกล่าว และทางแก้นั้นก็ได้รับการสนับสนุนจาก Vitalik Buterin ผู้สร้าง Ethereum ด้วย ด้วยเหตุนี้ Ethereum จึงได้รับการย้อนประวัติกลับไป และการแฮ็กครั้งดังกล่าวก็ไม่มีบันทึกอยู่บน Hard Fork ใหม่ ที่กลายเป็น Ethereum Chain หลักในเวลาต่อมา ส่วน Chain เดิมที่ยังมีสินทรัพย์ซึ่งถูกขโมยไปนั้นก็เรียกกันว่าเป็น Ethereum Classic (ETC)

แม้ว่า Ethereum Classic จะได้รับความนิยมน้อยกว่า ETH แต่ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่โอบรับปรัชญา “Code เป็นใหญ่ (Code is King)” โดยพวกเขาเชื่อว่าคุณสมบัติการไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ของบล็อกเชนนั้นจะต้องรักษาไว้ให้ถึงที่สุด ทั้งนี้ ผู้สนับสนุน Ethereum Classic โต้แย้งว่าการย้อนประวัติกลับไปก่อนเกิดการโจมตีนั้นขัดต่อหลักการพื้นฐานของบล็อกเชน และเป็นการทำให้ความปลอดภัยของเทคโนโลยีดังกล่าวซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญนั้นบกพร่องไป และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ชาว Ethereum Classic เลือกที่จะไม่ใช้ Proof of Stake (PoS) ด้วย บนเว็บไซต์ของ Ethereum Classic นั้น นักพัฒนาได้อ้างว่า PoW มีความปลอดภัยกว่าเนื่องจากมี Fault Tolerance ที่ 50% ในขณะที่เครือข่าย PoS มี Fault Tolerance เพียง 33% เท่านั้นก็ถูกควบคุมได้แล้ว อย่างไรก็ตาม ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า Ethereum Classic ตกอยู่ภายใต้การโจมตี 51% (51% Attack) หลายครั้งทีเดียวในปี 2019 และ 2020 ซึ่งก็นำมาสู่ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครือข่ายดังกล่าวอยู่ดี

แหล่งข้อมูล

เว็บไซต์ทางการ: https://ethere umclassic.org/

Ethereum Classic (ETC) ทำงานอย่างไร

ว่ากันในทางเทคนิคแล้ว Ethereum Classic และ Ethereum เหมือนกันทุกประการจนถึงบล็อกหมายเลข 1,920,000 ในตอนแรกนั้น Ethereum Classic มีแผนที่จะรองรับ PoS เหมือนกับ Ethereum ในขณะที่ Ethereum ได้ทำการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวไป อย่างไรก็ตาม หลังจากการอัปเดตและการถกเถียงต่างๆ นักพัฒนาของ Ethereum Classic ตัดสินใจจะใช้ PoW ต่อไป โดยเป็นการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากกว่าความเร็วและความสามารถในการขยายการรองรับ ทีมงานรับว่า Ethereum Classic นั้นดำเนินการแบบ “หัวเก่า” โดยมุ่งมั่นจะรักษาแก่นอุดมการณ์ของบล็อกเชนไว้ให้บริสุทธิ์นั่นเอง ทั้งนี้ แม้ว่า Ethereum Classic จะมีลักษณะคล้ายกับ Ethereum ก่อน Merge หลายประการ แต่ก็มีความแตกต่างที่เห็นได้ชัดอยู่ ได้แก่

- การให้ความสำคัญกับความถูกต้องสมบูรณ์และความปลอดภัยมากกว่าความเร็วและความสามารถในการขยายการรองรับ

- เลือกทำซ้ำข้อมูลทั้งชุดแทนที่จะแบ่งข้อมูลแยกส่วนแบบที่ Ethereum ทำ

- โทเค็นของ Ethereum Classic หรือ ETC มีจำกัดอุปทาน (Hard Cap) เพื่อประกันสิทธิในทรัพย์สินของผู้ถือ ต่างจาก ETH ของ Ethereum

อย่างไรก็ตาม เสียงวิจารณ์ต่อกลไกฉันทามติ PoW ของ Ethereum Classic ก็โต้แย้งว่าระบบดังกล่าวสิ้นเปลืองพลังงาน และช้าเกินกว่าที่จะใช้ประมวลผลธุรกรรมในชีวิตประจำวันได้ แต่ผู้สนับสนุนก็แย้งกลับว่าการใช้ PoW ทำให้มีเครือข่ายที่ปลอดภัยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ระบบดังกล่าวเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็น Layer-1 สำหรับการรับมือกับธุรกรรมในปริมาณมาก ในขณะที่ Ethereum สามารถนำไปใช้เป็น Layer-2 เพื่อรวมธุรกรรมเป็นชุดส่งไปให้ Ethereum Classic ได้

สิ่งที่เป็นตัวกำหนดราคา Ethereum Classic มีอะไรบ้าง

การทำความเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อราคา Ethereum Classic จะต้องพิจารณาพลวัตรของตลาด การอัปเดตทางเทคโนโลยี และความเชื่อมั่นของนักลงทุนในโทเค็นดังกล่าวอย่างรอบด้าน โดยหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคา Ethereum Classic ในวันนี้คือความสัมพันธ์ในอดีตของโทเค็นดังกล่าวกับ Ethereum (ETH) นั่นเอง Ethereum Classic (ETC) เกิดขึ้นจากการ Hard Fork หลังจากการแฮ็ก DAO ในปี 2016 โดยมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ถือว่าโทเค็นดังกล่าวนั้นเป็น Ethereum “ตัวจริง” ซึ่งมุมมองนี้ส่งผลให้ Ethereum Classic เมื่อเทียบกับ Ethereum แล้วมีพฤติกรรมราคาในตลาดต่างกัน

ในขณะที่ Ethereum มุ่งไปเน้นในด้านความสามารถในการขยายการรองรับและเปลี่ยนไปใช้กลไกฉันทามติแบบ Proof of Stake แต่ Ethereum Classic ก็ยังคงยืนหยัดในการใช้ระบบ Proof of Work เดิมของตน ซึ่งความแตกต่างนี้ก็ได้ดึงดูดนักขุดและนักลงทุนกลุ่มหนึ่งเข้ามา และมีผลต่ออัตราแลกเปลี่ยนในการแปลงระหว่าง ETC และ USD รวมถึงมีผลต่อมูลค่าตามราคาตลาดของ Ethereum Classic ด้วย

ด้านที่สำคัญอีกด้านหนึ่งของการวิเคราะห์ราคา Ethereum Classic นั้นคืออัตราการนำไปใช้งานและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของโทเค็นดังกล่าว (หรือการที่ไม่มีความก้าวหน้าแต่อย่างใด) โดยในขณะที่ Ethereum มีระบบนิเวศ Decentralized Finance (DeFi) และ Non-Fungible Token (NFT) ที่คึกคักนั้น Ethereum Classic ยังคงตามหลังอยู่มาก การตามหลังเช่นนี้มีผลโดยตรงต่อการคาดการณ์ราคา ETC และกระทบต่อราคา Ethereum Classic ในปัจจุบัน ทำให้มูลค่าของโทเค็นดังกล่าวมีความผันผวนและขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นของตลาดอย่างมาก

อนึ่ง ข่าวราคา ETC และการอัปเดตราคา Ethereum Classic ก็มักจะสะท้อนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งก็สามารถส่งอิทธิพลต่อราคาเหรียญ ETC ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงด้านการกำกับดูแล ข้อกังวลด้านความปลอดภัย และเทรนด์ตลาดในวงการคริปโตโดยรวมก็มีบทบาทในการกำหนดการคาดการณ์ราคา Ethereum Classic และศักยภาพในการลงทุนในอนาคตเช่นกัน

บทสรุป

โดยสรุปแล้ว Ethereum Classic ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการไม่สามารถย้อนกลับไปแก้ไขได้ โดยเป็นเครื่องเตือนใจว่าโลกคริปโตนั้นมีมุมมองที่หลากหลายเพียงใด ด้วยการที่ผู้สนับสนุนอย่างเหนียวแน่นในโปรเจกต์ดังกล่าวชูปรัชญา “Code เป็นใหญ่ (Code is King)” นั้น Ethereum Classic ก็มุ่งมั่นที่จะรักษาหลักการที่เป็นแก่นของบล็อกเชนไว้ แม้ว่าจะต้องสละความเร็วและความสามารถในการขยายการรองรับไปบ้างก็ตาม

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ Ethereum Classic ไม่ได้ต่างจากคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ ที่มีความเสี่ยงในตนเอง ดังนั้นการศึกษาข้อมูลด้วยตนเองและใช้ความระมัดระวังในการลงทุนจึงเป็นสิ่งที่คุณควรทำเสมอ